การทำธุรกิจนั้นต้นทุนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากเราควบคุมต้นทุนได้ยิ่งจะส่งผลดี เพราะจะทำให้สามารถเพิ่มกำไรมากขึ้น สามารถกำหนดราคาบริการช่วยในการดึงดูดลูกค้าและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ตลอดจนสามารถเพิ่มความยั่งยืนให้กับธุรกิจเราได้ บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ ประเภทต้นทุน เทคนิคการลดต้นทุนร้านบริการ เพื่อให้คุณสามารถเพิ่มกำไร แบบที่คุณภาพการให้บริการของคุณนั้นไม่ได้ลดลง รวมทั้งเครื่องมือที่จะช่วยคุณได้มากยิ่งขึ้น ในปี 2024 นี้ มีอะไรที่น่าสนใจในการลดต้นทุนบ้าง ไปรู้กันได้เลยค่ะ
เลือกอ่านเนื้อหา
ประเภทของต้นทุนในธุรกิจบริการ
ประเภทของต้นทุนธุรกิจบริการนั้นมีหลากหลาย ในหัวข้อนี้เราจะพาไปรู้จักกับ การจําแนกต้นทุนตามพฤติกรรมของต้นทุน โดยการจําแนกต้นทุนประเภทนี้ จะช่วยให้นำข้อมูลต้นทุนมาวิเคราะห์ ทำให้สามารถ มองภาพรวมของธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น ช่วยให้คุณสามารถวางแผน ตัดสินใจ ควบคุมและสรุปผลการดำเนินการ ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ประเภทส่วนใหญ่จะถูกใช้ในการลดต้นทุน ทั้งวัตถุดิบ แรงงาน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ วิเคราะห์ได้ครบในเครื่องมือเดียว สามารถจําแนกออกได้ 3 ชนิดมีดังนี้
- ต้นทุนคงที่ (Fixed cost) เป็นต้นทุนที่ไม่ได้แปรผันตามปริมาณการผลิตหรือยอดขาย เป็นต้นทุนที่ต้องจ่ายอยู่ตลอดทุกเดือน หรือตามงบประมาณ เช่น ค่าเช่า, เงินเดือนของพนักงาน, ค่าประกัน, ค่าอาคารและอุปกรณ์, ดอกเบี้ยเงินกู้, ค่าอื่นๆ เช่น ค่าโปรแกรม ค่าระบบ เป็นต้น
- ต้นทุนผันแปร (Variable cost) เป็นต้นทุนที่แปรผันตามการผลิต คือ ถ้ามีการผลิตมาก ต้นทุนยิ่งจะมากขึ้นตาม ถ้าหากมีการผลิตน้อยต้นทุนก็จะน้อย การที่เราเข้าใจต้นทุนแปรผัน จะช่วยให้เรารู้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง สามารถมีบริการตอบสนองความต้องการและควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้นทุนแปรผัน ได้แก่
- ค่าวัตถุดิบ
- ค่าใช้จ่ายในการผลิตที่ตรง
- ค่าพลังงานและน้ำ
- ค่าบรรจุภัณฑ์
- ค่าขนส่งและการจัดส่ง
- ค่าคอมมิชชันการขาย
- ต้นทุนผสม (Mixed cost) เป็นต้นทุนที่ผสมระหว่าง ต้นทุนคงที่ (Fixed cost) และ ต้นทุนผันแปร (Variable cost) เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ถ้าหากมีการใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งจะแปรผันตามการใช้งาน แต่ก็มีกำหนดขั้นต้นที่ต้องจ่ายไว้อย่างคงที่
6 เทคนิคลดต้นทุนร้านบริการ ใช้ได้กับทุกธุรกิจ
การลดต้นทุนแต่ยังคงคุณภาพไว้ได้นั้นสำคัญมากในการทำธุรกิจ จะทำให้เรานั้นมีกำไรมากขึ้น ธุรกิจขยาย เติบโตได้อย่างรวดเร็ว มีอำนาจต่อรองในตลาดได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนมีความยั่งยืนในการทำธุรกิจ วันนี้เรามี 6 เทคนิค วิธีลดต้นทุน ที่จะทำให้คุณนั้นได้กำไรและคงคุณภาพได้ แถมยังส่งผลดีในการทำธุรกิจระยาวได้อย่างยั่งยืน มีเทคนิคที่น่าสนใจดังนี้
เทคนิค ลดต้นทุนวัตถุดิบ เพิ่มบริการ เพิ่มกำไร
วัตถุดิบเรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจ ถ้าหากเราต้องการที่จะลดต้นทุน การลดต้นทุนวัตถุดิบเป็นสิ่งแรกที่เราควรประเมิน ถ้าสามารถลดตรงนี้ลงได้ จะทำให้เรานั้นสามารถเพิ่มกำไรและรักษาความสามารถในการแข่งขันได้ง่าย หรืออาจนำเงินในส่วนนี้ไปลงทุน เพิ่มผลิตภัณฑ์ส่วนอื่นต่อ การลดต้นทุนธุรกิจมีหลากหลายวิธี เช่น
- การเจรจาต่อรองกับผู้ขาย เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด การเจรจาต่อรองกับผู้ขาย เป็นสิ่งสำคัญ โดยอาจจะเจรจาซื้อในปริมาณมาก สร้างความสัมพันธ์ระยะยาว หรือการเลือกผู้ขายที่มีข้อเสนอพิเศษเช่นส่วนลด การแถมสินค้าเพิ่ม เป็นต้น
- การใช้วัตถุดิบทดแทน เป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดต้นทุน ลองหาวัตถุดิบทดแทนที่มีราคาถูกกว่าแต่ยังคงคุณภาพเท่าเดิม หรือการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีความยืดหยุ่นและสามารถใช้งานได้หลากหลาย จะทำให้เรานั้นประหยัดทุนได้เพิ่มมากขึ้น
- การลดของเสียและการสูญเสีย เช่น การตรวจสอบคุณภาพของวัตถุดิบก่อนนำมาใช้ การปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดการสูญเสีย การรีไซเคิลหรือการใช้วัตถุดิบซ้ำ เช็ควันหมดอายุ ตรวจสอบสินค้าอยู่ตลอด หากมีสินค้าใดที่ขายไม่ออก ใกล้เสีย ขายออกช้า อาจนำมาลดราคา หรือแถมให้ลูกค้า
- การวางแผนการจัดซื้อที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ ลองคาดการณ์ความต้องการวัตถุดิบในอนาคต การวิเคราะห์แนวโน้มตลาดและการจัดซื้อในเวลาที่ราคาวัตถุดิบต่ำ อาจทำได้ง่ายๆ โดยการติดตามโปรโมชั่นของผู้ผลิตหลายๆ ที่ แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด
- การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูล ควรที่จะวิเคราะห์ทำอย่างสม่ำเสมอ เก็บข้อมูลบริการที่ลูกค้าชื่นชอบมาใช้บริการ เช่น ชอบมาทำผม ทำเล็บ ล้างรถ หรืออื่นๆ เพื่อหาแนวทางในการปรับปรุงและลดต้นทุน หรือเพิ่มการให้บริการให้เพียงพอ ต่อความต้องการ เพื่อความแม่นยำในการวิเคราะห์ อาจใช้เทคโนโลยีมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม
เทคนิค ใช้เทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการ สะดวกสบาย ใช้งานง่าย
ในปัจจุบันเทคโนโลยีนั้น มีส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตประจะวันของเราอย่างมาก โดยเฉพาะในโลกของการทำธุรกิจ เพราะจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ ในกระบวนการต่าง ๆ ของเราได้ เช่น ช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงาน ลดข้อผิดพลาด เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรและยังมีส่วนช่วยในการวางแผนต่างๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ทำให้เรามองเห็นต้นทุนที่ไม่จำเป็น มองเห็นภาพรวมของธุรกิจ และบันทึกข้อมูลได้อย่างละเอียดแม่นยำกว่าการใช้แรงงานคน ตัวอย่างเทคโนโลยี เช่น
- ระบบ POS (Point of Sale) หรือ ระบบขายหน้าร้าน จะช่วยในเรื่องของ การจัดการระบบบริการหน้าร้าน ทำให้เราสามารถทำการคิดคำนวณราคาสินค้า บริการ จัดการได้ทั้งแต่รับออเดอร์ ขาย คำนวณราคา สร้างใบเสร็จ ใบกำกับภาษีและอื่นๆ อีกมาก
- ระบบการจัดการสินค้าในคลัง (Inventory Management Systems) จะช่วยให้คุณสามารถเช็คสต๊อกสินค้า จัดการคลัง วางแผนการสั่งได้อย่างแม่นยำ ทำให้เรานั้นไม่สั่งสินค้ามาเกินความจำเป็น
- ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning – ERP) เช่นระบบลงเวลาเข้าออก-งาน ระบบคำนวณโครงสร้างพนักงาน คำนวณเงินเดือน จัดตารางกะในการทำงาน ระบบนี้จะช่วยให้คุณนั้นคำนวณค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การใช้ซอฟต์แวร์การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management – CRM) ปัจจุบันมีโปรแกรมมากมาย ที่ช่วยให้เรามีความสัมพันธ์กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น เช่น โปรแกรมสมาชิก สะสมแต้ม ระบบรีวิว รับขอร้องเรียน การประเมินต่างๆ จะทำให้เรานั้นสามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าได้อย่างไม่ต้องยุ่งยาก เพื่อนำว่าวางแผนในการลดต้นทุนและพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
- ระบบโปรแกรมบัญชี เป็นอีกหนึ่งระบบที่จะช่วยลดข้อผิดพลาดในการจัดการบัญชีหลังบ้านเราได้ จะทำให้เราเห็นทั้งราคาต้นทุน ค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายแฝง อื่นๆ ทำให้เราเห็นรายรับ-รายจ่ายทั้งหมดแบบชัดเจน
เทคนิค จ้างพนักงานชั่วคราว ลดค่าคลอสที่ไม่จำเป็น
การจ้างพนักงานชั่วคราวเป็นหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องการแรงงานเพิ่มเติมแต่ไม่ต้องการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว อาจจะทำการจ้างแรงงานพาร์ทไทม์ เพื่อมาช่วยในช่วงที่จำเป็น โดยการจ้างพนักงานชั่วคราว มีข้อดีมากมาย เช่น
- ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างงานระยะยาว การจ้างพนักงานประจำมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องมากมาย เช่น เงินเดือน สวัสดิการ ประกันสุขภาพ และค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจ้างพนักงานชั่วคราวช่วยลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องให้สวัสดิการหรือประกันสุขภาพในระยะยาว
- การปรับตัวตามฤดูกาลและความต้องการชั่วคราว ช่วยให้สามารถเพิ่มแรงงานได้ในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น ช่วงเทศกาลหรือฤดูท่องเที่ยว โดยไม่ต้องรักษาจำนวนพนักงานที่สูงเกินไปตลอดทั้งปี
เทคนิคลดต้นทุนค่าเช่า เพิ่มโอกาสในการต่อรอง
ค่าเช่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ในการทำธุรกิจในปัจจุบัน ยิ่งทำเลดี ค่าเช่ายิ่งสูง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งต้นทุนที่เราปฏิเสธไม่ได้ เป็นค่าใช้จ่ายคงที่ (Fix cost) แต่จะทำยังไงให้ค่าใช้จ่ายนั้นลดลงและประหยัดต้นทุนได้ นี่คือวิธีต่าง ๆ ที่สามารถช่วยลดต้นทุนค่าเช่าได้
- การเจรจาต่อรองค่าเช่า พยายามเจรจาต่อรองค่าเช่ากับเจ้าของทรัพย์สิน และเปรียบเทียบราคากับบริเวณใกล้เคียงหรือทำเลที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เพื่อให้ได้ราคาที่ต่ำกว่า
- เลือกสถานที่เช่าที่มีขนาดเล็กลง พิจารณาลดขนาดพื้นที่เช่าให้พอดีกับความต้องการของธุรกิจ อาจเพิ่มการขายออนไลน์ บริการถึงบ้าน หรือบริการอื่นๆ เพื่อรองรับลูกค้าเพิ่ม และลดค่าเช่าสถานที่ลง
- แชร์พื้นที่สำนักงาน เลือกใช้พื้นที่สำนักงานร่วมกับธุรกิจอื่น ๆ (co-working space) เพื่อช่วยลดค่าเช่าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษา
- เช่าตามระยะเวลาสั้น ๆ เลือกเช่าพื้นที่ตามระยะเวลาที่ต้องการจริง เช่น รายเดือนหรือรายไตรมาส เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว
เทคนิคประหยัดพลังงานลดค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็น
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนสูงนั้นก็คือ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน รวมทั้งค่าพลังงานอื่นๆ การลดต้นทุนด้านพลังงานจึงเป็นวิธีที่จะช่วยธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีวิธีง่ายๆ มาแนะนำในการลดต้นทุนได้ดังนี้
- การใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน เลือกใช้อุปกรณ์ที่มีฉลากประหยัดพลังงาน (Energy Star) เช่น หลอดไฟ LED เครื่องปรับอากาศประสิทธิภาพสูง และคอมพิวเตอร์ที่ประหยัดพลังงาน
- ระบบควบคุมอัตโนมัติ ติดตั้งระบบควบคุมแสงสว่างและอุณหภูมิอัตโนมัติ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ ระบบเปิด-ปิด ตามเวลา เพื่อลดการใช้พลังงานเมื่อไม่มีคนอยู่ในพื้นที่ เป็นการลดทุนที่อาจจะใช้ค่าใช้จ่ายสูง แต่ในระยะยาวจะคุ้มค่ามาก
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงาน สนับสนุนให้พนักงานปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน เช่น ปิดคอมพิวเตอร์ ปิดไฟในห้องที่ไม่มีคนอยู่
- ใช้แสงธรรมชาติ ใช้แสงธรรมชาติให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางวัน ถ้าเปิดร้านในช่วงกลางวัน อาจจะออกแบบสถานที่ให้มีการใช้แสงอาทิตย์มาช่วยในเรื่องของความสว่าง
เทคนิคใช้ “โซเชียลมีเดีย” ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การใช้โซเชียลมีเดียสามารถช่วยลดต้นทุนธุรกิจได้หลายวิธี ทั้งในด้านการตลาด การสื่อสาร และการบริการลูกค้า สามารถทำได้หลากหลายช่องทาง กระจายข่าวสารได้อย่างไร้พรมแดน และยังฟรีอีกด้วย เรามีเทคนิคเล็กๆน้อยๆ ในการ ใช้ “โซเชียลมีเดีย” ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการลดต้นทุนดังนี้
- การตลาดและการโฆษณาใช้โซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, Twitter หรือ Tiktok ในการแจ้งข่าว โปรโมทชั่น โปรโมทร้าน แทนการโฆษณาผ่านทางทีวี รถแห่ แจกใบปลิว หรือวิทยุ เพราะสามารถทำได้ฟรี และสามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งวิดีโอ รูปภาพ เสียง หรืออื่นๆ
- การตลาดแบบไวรัล (Viral Marketing) การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีคุณค่า จะทำให้ผู้คนแชร์และกระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาแบบดั้งเดิม ซึ่งถือเป็นการทำการตลาดแบบปากต่อปาก ทำให้ลูกค้าบอกต่อกันได้ สามารถสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจเราได้ต่อไป โดยที่ใช้ทุนน้อยหรือไม่ต้องใช้ทุนเลย
- การสร้างชุมชนออนไลน์ การสร้างและจัดการกลุ่มออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ทำให้ลูกค้าสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและช่วยแก้ไขปัญหากันเอง ลดภาระการให้บริการลูกค้าโดยตรง เช่น กลุ่มร้านทำเล็บ ที่เปิดให้ลูกค้าสามารถรีวิวและช่วยกันได้ ลูกเก่าจะมีส่วนรวมในการตอบคำถามลูกค้าใหม่ และให้คำแนะนำเพิ่มเติม ทำให้เรานั้นลดการใช้พนักงานในการตอบคำถามลูกค้าลงได้ และยังถือว่าเป็นการรีวิวให้เราแบบเนียนๆอีกด้วย
- การติดตามแนวโน้มและความนิยม สามารถดูการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย การตลาดของคู่แข่ง คอนเทนต์ที่มาแรงที่กำลังเป็นกระแส เพื่อปรับกลยุทธ์การตลาดและพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
- นอกจากนี้ยังอาจสามารถใช้ในด้านอื่นๆ เช่น การประชุม การแจ้งข่าวสารพนักงาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าเช่าห้องประชุม หรืออื่นๆ ได้
ทำความรู้จัก เครื่องมือช่วยลดต้นทุน ที่ห้ามพลาด
ในยุคที่เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้มีโปรแกรม ระบบต่างๆ ที่ถูกสร้างมาเพื่อช่วยให้คุณนั้นบริหารธุรกิจได้ง่ายมากขึ้น แถมยังช่วยให้คุณสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้ ในหัวข้อนี้เรามี เครื่องมือลดต้นทุน ที่ช่วยบริหารจัดการต้นทุน เป็นระบบที่น่าสนใจ น่าลงทุน หากต้องการลดการลงทุนระยะยาวและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ ไม่ควรพลาด มีเครื่องมือที่น่าสนใจดังนี้
ระบบ POS
ระบบ POS (Point of Sale) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน แต่ก่อนเราจะพบเจอตามห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ แต่ปัจจุบันร้านเพชร ร้านทอง ร้านเสริมสวย ร้านนวด หรืออื่นๆ ก็สามารถนำมาใช้ได้ เพราะมีราคาถูก ติดตั้งง่าย ช่วยลดต้นทุนหลายอย่างเป็นอย่างดี มีข้อดีมากมาย เช่น รับออเดอร์, คำนวณราคาสินค้า, รับชำระค่าบริการ, การออกใบเสร็จ, ตรวจเช็คสต๊อกของสินค้า, สรุปรายรับรายจ่าย,เก็บข้อมูลการซื้อขาย, ข้อมูลสมาชิก, จัดการใบกำกับภาษี เรียกได้ว่าเป็นระบบที่ครบวงจรสามารถทำได้ทุกอย่าง และยังสามารถใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่แล้วทั้ง แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อกับระบบบนคลาวด์ได้ง่าย ทำให้คุณนั้นสามารถใช้ในการบริหารจัดการกิจการและลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นออกไปได้
ระบบบริหารคลังสินค้า
ระบบการบริหารคลังสินค้า (Inventory Management System) เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการสินค้าในคลังอย่างมีระบบ เพื่อให้มั่นใจว่ามีสินค้าที่ต้องการเพียงพอ ลดการเก็บสินค้าค้างสต็อก และปรับปรุงการดำเนินงานโดยรวมของธุรกิจ ระบบการบริหารคลังสินค้ามีหลายประเภทและฟีเจอร์ที่หลากหลาย ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนได้อย่างมาก ดังนี้
- การติดตามคลังสินค้าแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ธุรกิจสามารถเห็นสถานะสินค้า จำนวนสินค้าคงเหลือ ที่ขายได้ตลอดเวลา
- ระบบบาร์โค้ดและ RFID จะช่วยในการติดตามสินค้า ช่วยเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการจัดการสินค้า ให้คุณจัดเก็บของได้อย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ลดอัตราสินค้าสูญหาย หรือสูญเสียหมดอายุได้
- ใช้พยากรณ์ความต้องการ (Demand Forecasting) สามารถคำนวณปริมาณการสั่งในครั้งถัดไปได้ ว่าควรลดหรือเพิ่มขึ้นจำนวนเท่าใด
- คำนวณสั่งสินค้าอัตโนมัติ บางระบบนั้นจะมีการคำนวณให้อัตโนมัติ จากข้อมูลการขาย ทำให้คุณนั้นแม่นยำ ลดแรงไม่จำเป็นต้องสั่งเอง ลดการสั่งของที่ไม่จำเป็น ไม่ต้องเพิ่มพนักงานในการดูแลเพิ่ม
- การวิเคราะห์และรายงาน (Analytics and Reporting) สามารถวิเคราะห์และรายงานผลได้ ให้เราวางแผนในการปรับเปลี่ยนธุรกิจตามการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ดูออนไลน์ได้ทุกเมื่อง่ายสะดวกสบาย
ระบบบริหารพนักงาน
สำหรับอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นมาก ในการลดต้นทุน คือ ระบบการบริหารพนักงาน (Employee Management System) เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการและดูแลพนักงานได้ ทำให้ลดเวลาการจัดการเอกสารและกระบวนการที่ซับซ้อน คำนวณค่าใช้จ่ายพนักงานได้อย่างถูกต้อง และยังมีข้อดีช่วยลดต้นทุนอีกมาก เช่น
- ระบบสรรหาและคัดเลือกพนักงาน จะช่วยในการสรรหา คัดเลือก และจัดการใบสมัครงานจากผู้สมัคร
- การจัดการข้อมูลพนักงาน จะช่วยในการรวบรวมและจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน เช่น ข้อมูลการทำงาน ข้อมูลการฝึกอบรม และข้อมูลการจ่ายเงินเดือน ช่วยให้การบริหารจัดการข้อมูลเป็นระเบียบและเข้าถึงได้ง่าย
- ระบบจัดการเวลาและการเข้างาน ช่วยในการติดตามเวลาทำงาน การเข้างาน และการลาของพนักงาน สามารถจัดการตารางเวลาและคำนวณเวลาทำงานได้อย่างแม่นยำ
- การประเมินผลการทำงาน ช่วยในการประเมินผลการทำงานของพนักงาน ตั้งเป้าหมายการทำงาน ประเมินผลและให้คำแนะนำเพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถของพนักงาน
ระบบ CRM
ระบบ CRM (การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า) เครื่องมือที่จะช่วยการทำธุรกิจคุณให้สามารถลดต้นทุน และเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ ตัวถัดไป นั้นก็คือ ระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management – CRM) เป็นเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์การปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืนกับลูกค้า ถือเป็นระบบที่ครบจบ มีฟีเจอร์และประโยชน์ที่หลากหลาย สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าทั้ง ชื่อ ที่อยู่ อีเมลล์ ประวัติการซื้อ อื่นๆ อีกเพียบ เป็นระบบที่ใช้งานง่ายผ่านคลาวด์ ไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์อะไรเพิ่มเติม ทำให้ต้นทุนในด้านไอทีของคุณนั้นต่ำลง ระบบนี้มีข้อดี เช่น
- ปรับปรุงการบริการลูกค้า ด้วยการเข้าถึงข้อมูลลูกค้าที่ครบถ้วนและประวัติการติดต่อ ระบบช่วยให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- เพิ่มยอดขาย ด้วยการติดตามและจัดการโอกาสการขาย ระบบจะช่วยให้ทีมขายสามารถมุ่งเน้นไปที่โอกาสการขายที่สำคัญและเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย
- เสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การเก็บข้อมูลและประวัติการติดต่อช่วยให้สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืนกับลูกค้า
- ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน ช่วยให้ทีมงานสามารถแบ่งปันข้อมูลและประสานงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน
- การตัดสินใจที่ดีขึ้น การวิเคราะห์ข้อมูลและการสร้างรายงานช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและวางกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ
โปรแกรมบัญชี
โปรแกรมบัญชี จะช่วยในการจัดการและติดตามการเงินของธุรกิจได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจสามารถประหยัดเวลาและทรัพยากรได้มากขึ้น มองเห็นภาพรวมของธุรกิจทั้งต้นทุน-กำไร ได้อย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ทำให้วิเคราะห์ธุรกิจได้อย่างเป็นระบบ ช่วยลดต้นทุนคุณได้อย่างมาก มีข้อดีมากมายเช่น ลดการใช้แรงงานคน, ระบบจะมีการคำนวณให้เรียบร้อย อาทิ ยอดขาย,ใบเสร็จ, ใบกำกับภาษี, ค่าใช้จ่ายพนักงาน , ค่าใช้จ่ายในการสั่งสินค้า , คำนวณรายรับ-รายจ่าย , ประหยัดเวลาในการทำงาน, ลดค่าใช้จ่าย, เพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามการเงิน, การสร้างรายงานการเงินที่ครอบคลุม, การรวมข้อมูลและการทำงานร่วมกัน นอกจากนี้โปรแกรมสามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ เช่น ระบบ POS, CRM หรือระบบการจัดการคลังสินค้า ทำให้ข้อมูลทั้งหมดถูกเชื่อมโยงและจัดการได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างลดต้นทุนในธุรกิจต่างๆ
เดินทางมาถึงหัวข้อสุดท้าย ในการลดต้นทุน เรามี 3 ตัวอย่าง การลดต้นทุนธุรกิจยอดฮิต ที่คุณสามารถทำไปต่อยอดการพัฒนาธุรกิจของคุณได้มากยิ่งขึ้น
ร้านทอง
การลดต้นทุนในร้านทองสามารถทำได้หลายวิธี โดยการใช้เทคนิคต่าง ๆ เข้ามาช่วย ซึ่งจะทำให้การดำเนินธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้ ตัวอย่างเทคนิคการลดต้นทุนมีดังนี้:
- การจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ
- ใช้ระบบบาร์โค้ดหรือ RFID เพื่อติดตามและควบคุมสินค้าคงคลัง
- ใช้การตลาดออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดีย แทนการโฆษณาแบบดั้งเดิมที่มีค่าใช้จ่ายสูง
- ฝึกอบรมพนักงานให้มีทักษะในการขายและบริการที่ดี เพื่อเพิ่มยอดขายและลดความจำเป็นในการจ้างพนักงานเพิ่ม
- ใช้ระบบการจัดการเวลาการทำงานของพนักงานเพื่อลดชั่วโมงทำงานที่ไม่จำเป็น
- ใช้เทคโนโลยีและระบบการจัดการต่าง ๆ เช่น ระบบ POS ระบบ CRM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดความผิดพลาด
- เปรียบเทียบราคาสินค้าและบริการจากผู้จำหน่ายหลายรายเพื่อหาข้อเสนอที่ดีที่สุด
- พิจารณาทำสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น การออกแบบเครื่องประดับที่ไม่ซ้ำใคร เพื่อสามารถตั้งราคาขายที่สูงขึ้น
- ให้บริการที่เพิ่มมูลค่า เช่น การบริการหลังการขายหรือการปรับแต่งสินค้าตามความต้องการของลูกค้า
ร้านเสริมสวย
ร้านเสริมสวยเป็นธุรกิจที่ต้องใช้งานฝีมือในการดำเนินการหลักๆ แต่ก็ยังมีต้นทุนอีกมาก อาทิ ค่าพนักงาน ค่าผลิตภัณฑ์ ค่าน้ำค่าไฟ และอื่นๆ การควบคุมต้นทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อเพิ่มโอกาสให้เรามีเงินเหลือไปลงทุนอะไรใหม่ๆ และเพิ่มกำไรได้มากยิ่งขึ้น มีเทคนิคมาแนะนำดังนี้
- หาซัพพายเออร์เจ้าประจำ ในการสั่งสินค้า
- ฝึกอบรมพนักงานให้ทำงานหลายหน้าที่ได้ เช่น ตัดผม ทำเล็บ นวดหน้า เพื่อลดจำนวนพนักงานที่ต้องจ้าง
- ใช้ระบบจองออนไลน์เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการรับจองผ่านโทรศัพท์ และลดการไม่มาตามนัด
- ใช้ซอฟต์แวร์ในการจัดการบัญชี การจอง และการสต็อกสินค้า เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
- เสนอโปรแกรมสมาชิกที่ให้สิทธิพิเศษและส่วนลดสำหรับลูกค้าประจำ เพื่อเพิ่มความภักดีและลดค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่
- ติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ใช้ข้อมูลลูกค้าในการวิเคราะห์แนวโน้มและความต้องการ เพื่อปรับปรุงบริการและโปรโมชั่นให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
ร้านนวด
ตัวอย่างสุดท้ายในการลดต้นทุน ร้านนวด เป็นธุรกิจที่มาแรง มีกลุ่มลูกค้าช่วงวัยทำงานเป็นส่วนใหญ่ ผู้คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ต้องการความคุ้มค่า และพร้อมที่จะจ่าย ทำให้ธุรกิจบริการประเภทนี้มีการแข่งขันสูง จะทำอย่างไรจึงจะสามารถลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ มีเทคนิคการลดต้นทุนร้านนวด มาแนะนำดังนี้
- ซื้อผลิตภัณฑ์ที่ใช้บ่อย เช่น น้ำมันนวดและโลชั่น ในปริมาณมากเพื่อรับส่วนลดและลดต้นทุนต่อหน่วย
- จัดการสต็อกผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ
- ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน เช่น เครื่องทำความร้อนและแสงสว่าง
- ใช้หลอดไฟ LED และติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อลดการใช้พลังงานในห้องที่ไม่ได้ใช้งาน
- เจรจาต่อรองค่าเช่ากับเจ้าของพื้นที่เพื่อให้ได้ราคาที่ต่ำลง
- จัดการพื้นที่ในร้านให้ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ เช่น การจัดเตียงและเก้าอี้ให้เหมาะสม
- สนับสนุนให้ลูกค้ารีวิวและแนะนำร้านผ่านโซเชียลมีเดีย ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มยอดขาย
การลดต้นทุนร้านบริการเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับธุรกิจ เพราะสามารถเพิ่มกำไรได้โดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุน เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสใหม่ๆ ในการลงทุน ช่วยลดการสูญเสียและส่งเสริมความยั่งยืนทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและธุรกิจให้กับคุณได้ เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ธุรกิจของคุณ ไม่มากก็น้อย ขอให้ทุกธุรกิจที่กำลังเริ่มต้นก้าวกระโดดไปได้อย่างมั่นคง ความสำเร็จอาจจะไม่ได้มาง่ายๆ แต่ทุกความพยายามจะทำให้เราประสบความสำเร็จ บทความต่อไปจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ