เพิ่มยอดขายร้านบริการ กลยุทธ์สร้างกำไรทะลุเป้า ใช้ได้ทุกธุรกิจ

กลยุทธ์การตลาดเพิ่มยอดขายร้านบริการ

ถ้าหากต้องการให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน การเพิ่มยอดขายร้านบริการเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้เรานั้นมีเงินในการลงทุนในธุรกิจปัจจุบันและนำกำไรไปต่อยอดในการทำธุรกิจในด้านอื่นๆได้มากยิ่งขึ้น และยังสามารถช่วยให้เราสามารถแข่งขันกับคู่แข่งทางธุรกิจได้ แต่การเพิ่มยอดขายสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะธุรกิจมีการเปิดให้บริการมาก จนบางธุรกิจมีการล้นตลาด จะทำอย่างไรให้ธุรกิจของคุณมียอดขายเพิ่มขึ้นและอยู่รอดได้ ในยุคที่การแข่งขันสูง ในบทความเรามี สูตรลับกลยุทธ์ เพิ่มยอดขายร้านบริการ สร้างกำไรทะลุเป้า ที่ใช้ได้กับทุกธุรกิจ มาเป็นแนวทางในการเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจคุณกันค่ะ

เลือกอ่านเนื้อหา

SMART คืออะไร ตั้งเป้าหมายยังไง ให้ประสบความสำเร็จ ?

ในการทำอะไรสิ่งแรกที่เราควรเริ่มต้น คือการตั้งเป้าในธุรกิจของเราให้ชัดเจนก่อน เพราะทุกการเดินทางต้องเริ่มต้นจากแผนที่ เราจะทำอย่างไรดี ควรมีการตั้งเป้าหมาย วางแผนยังไง ให้นำไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายขึ้น เราขอแนะนำ SMART เครื่องมือการตั้งเป้าหมายที่จะทำให้คุณตั้งเป้าได้อย่างชัดเจน ครอบคลุมเพื่อเป็นแนวทางในการทำการตลาด เพิ่มยอดขายในธุรกิจของคุณให้ประสบความสำเร็จได้ ประกอบไปด้วย 

S = Specific เป้าหมายที่มีความเฉพาะเจาะจง 

การตั้งเป้าที่เจาะจง โดยให้ประเมินจากความเป็นไปได้มากที่สุด ควรมีความชัดเจนไม่กว้างเกินไปเพื่อให้เรามีทิศทางในการปฏิบัติ เช่น ตั้งเป้าว่าปีนี้ จะทำกำไรจากธุรกิจบริการให้ได้ 5 ล้านบาท เมื่อเราตั้งเป้าเสร็จ เราจะหาวิธีการไปสู่กำไรปีละ 5 ล้านได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะเราจะเริ่มคิดว่าจะทำอะไรในธุรกิจ ควรเพิ่มบริการอะไรหรือพัฒนาอะไรเพิ่มจะเห็นทิศทางที่ชัดได้ง่ายมากขึ้น

M = Measurable เป้าที่สามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน

เป้าที่ดีต้องมีหลักการที่ชัดเจนในการวัดผล ตลอดจนคำนวณทางสถิติได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่การตั้งลอยๆ ควรมีที่ไปที่มา มีหลักฐานที่เป็นไปได้ เช่น ในเดือนแรกเราขายได้กำไร 10% ต่อมาเดือนที่สองได้เพิ่ม 15% จากเดือนแรกและเดือนสอง เพิ่มขึ้น 5% ในยอดขายเดือนที่ 3 เราอาจตั้งเป้ายอดขายให้เพิ่มขึ้น จากเดือนที่ 2 อีก 5% จะทำให้เราเห็นว่าการปฏิบัตินั้นพอที่จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นได้หรือไม่ หรือยังขาดอะไรอีก จะได้พัฒนาเพิ่มกำไรได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

A =  Achievable เป้าหมายที่สามารถทำได้จริง บรรลุผลได้

การที่ตั้งเป้าหมายไกลความเป็นจริง ในแง่ดีอาจจะกระตุ้นให้เรานั้นสนใจทำงานมากขึ้น แต่ถ้าเป้าหมายที่ดูไกลมากเกินไป ในการปฏิบัติจริง อาจทำให้รู้สึกท้อแท้ได้ เช่น ธุรกิจเติบโตเพียงเดือนละ 3% อย่างต่อเนื่อง แต่จะเพิ่มให้เป็น 10% ในเดือนถัดไป จะเป็นไปได้ยากมาก เพราะต้องการทำการประเมินแผนเพิ่ม ในขณะที่งานที่ทำประจำก็ต้องทำ และหากทำไม่สบความสำเร็จขึ้นมา ยิ่งจะทำให้รู้สึกสิ้นหวัง เสียกำลังใจในการทำ ดังนั้นควรวางแผนให้มีความเป็นไปได้มากที่สุด จะทำให้เกิดการเพิ่มกำไรที่ยั่งยืนได้ 

R = Realistic / Relevant เป้าหมายต้องมีความเป็นจริง สมเหตุผล และสอดคล้องกัน 

ในการตั้งเป้าหมายเพื่อเพิ่มกำไรต้องมีความสอดคล้องและมีความเป็นไปได้ตามหลักความเป็นจริง โดยต้องประเมินหลายสถานการณ์ประกอบกัน เช่น นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เศรษฐกิจในปัจจุบัน ผลประกอบการธุรกิจเราหรือของคู่แข่ง อัตราการเติบโต การพัฒนาของธุรกิจ ควรตั้งเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกันไม่เกินความเป็นจริง เพื่อส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จ ไม่ควรกำหนดเป้าหมายแบบลอยๆ โดยไม่มีความสัมพันธ์กับสถานการณ์จริง จะทำให้เกิดการเดินทางไปในทิศทางที่ผิด อาจส่งผลทำให้ยอดขายลดลงจนขาดทุนได้

T = Time-bound เป้าหมายกำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจน

เป้าหมายที่ดีที่จะนำไปสู่ความสำเร็จได้สุดท้ายก็คือ เวลา ในการกำหนดวางแผนให้ชัดเจน ควรมีการกำหนดระยะเวลาไว้ เพื่อทำให้การปฏิบัติงาน ขั้นตอนต่างๆ เป็นรูปธรรม สามารถจับต้องได้มากขึ้น หากไม่มีกรอบเวลาจะทำให้ทุกอย่างนั้นดูเลื่อนลอย ไม่มีการกระตุ้น อาจจะเรียกได้ว่า เป้าหมายนั้นไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ 

3 กลยุทธ์เพิ่มยอดขายร้านบริการ ทำง่าย ยอดแตะถึงเป้า

ในการทำธุรกิจ ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและติดตามกระแสใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้สามารถ เพิ่มยอดขายร้านบริการและพร้อมที่จะแข่งขันกับผู้ประกอบการธุรกิจประเภทเดียวกัน ในยุคที่การแข่งขันกันเยอะขนาดนี้  สินค้าหรือบริการที่ดีอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เราต้องมีการตลาดที่ดีเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น เราจะมีเทคนิคการตลาดร้านบริการยังไงดี เพื่อให้เพิ่มยอดได้จนทะลุเป้า วันนี้เรามี 3 กลยุทธ์เพิ่มยอดขายร้านบริการทำง่ายเป็นเทคนิคที่อัพเดทใหม่ล่าสุด จะทำให้คุณทันกระแสและเพิ่มยอดได้ทะลุเป้าแน่นอน มีดังนี้ 

กลยุทธ์เพิ่มยอดขายร้านบริการการตลาดออนไลน์

ยุคที่เทคโนโลยีมาแรง สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกพื้นที่ คงปฏิเสธการทำการตลาดแบบออนไลน์ (Online Marketing) กันไม่ได้ สามารถทำได้ง่ายบางแพลตฟอร์มสามารถทำได้ฟรี และยังแพร่กระจาย โปรโมทได้อย่างไร้พรมแดน หากทำการตลาดตรงนี้ประสบความสำเร็จได้ รับรองว่ายอดขายคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน การทำการตลาดออนไลน์มีที่น่าสนใจ ดังนี้ 

  • SEM (Search Engine Marketing):  เป็นการทำการตลาดออนไลน์ ผ่านการค้นหา (Search Engine) ผ่านทางอินเตอร์เน็ตเช่น Google, Yahoo เป็นต้น การทำการตลาดประเภทนี้ คือ การทำให้ธุรกิจคุณติดคำค้นหาในธุรกิจประเภทนั้นหน้าแรกๆ ของการค้นหา จะทำให้ลูกค้านั้นเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น และสามารถปิดการขายได้เองในตัว เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาเจอ เกิดจากการที่ค้นหาเองทั้งหมด 
  • Social Media Marketing: โซเซียลมิเดียเป็นอีกหนึ่งช่องทางการทำการตลาดในโลกออนไลน์ที่จะทำให้ผู้คน พบเห็นบริการคุณได้อย่างวงกว้าง มีหลายแพลตฟอร์มที่ทำให้คุณสามารถ โปรโมทได้ฟรีๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Tiktok, Instagram สามารถใช้ช่องทางพวกนี้ในการแจ้งข่าว ติดต่อ รับออเดอร์ ให้ข้อมูล โปรโมทร้านเพื่อเพิ่มยอดขายร้านบริการได้โดยที่ไม่ต้องลงทุน นอกจากนี้ยังสามารถยิงแอดโฆษณาได้ในราคาที่ต่ำ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงได้อีกด้วย
  • Content Marketing: การทำคอนเทนต์เป็นการตลาดที่มาแรงสุดๆ ในตอนนี้ และ หากทำได้เป็นไวรัล อาจจะเพิ่มช่องทางการโฆษณาได้ฟรีๆ อีกด้วย มีหลายธุรกิจที่ทำได้ดี จนช่องรายการโทรทัศน์มาขอเอาคลิปไปออกอากาศ ทำให้เรานั้นได้เพิ่มช่องทางให้คนรู้จักเพิ่มขึ้น โดยที่ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม ในการทำคอนเทนต์ที่นิยมมากตอนนี้ คือ ต้องเน้นความเรียล ความตลก จริงใจ ไม่ขายฝัน หรือสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน และการทำคอนเทนต์ควรมีความชัดเจน เป็นเอกลักษณ์ของเราด้วย คนจะได้จำภาพของร้านเราได้ 
  • Email Marketing: อีเมลเป็นเครื่องมือทรงพลังในการสร้างความสัมพันธ์และรักษาลูกค้าเก่า ใช้ส่งข่าวสาร โปรโมชั่นพิเศษ หรือแม้แต่ข้อความขอบคุณส่วนตัว เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณใส่ใจและเห็นคุณค่าของพวกเขา การสื่อสารอย่างสม่ำเสมอผ่านอีเมลจะช่วยกระตุ้นให้พวกเขานึกถึงแบรนด์ของคุณ และมีแนวโน้มที่จะกลับมาใช้บริการอีกครั้ง นอกจากนี้ อีเมลยังเป็นช่องทางที่คุ้มค่า เพราะสามารถทำได้ฟรีและเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง

การตลาดออฟไลน์

การตลาดออฟไลน์ (Offline marketing) คือ การสร้างการรับรู้และเชื่อมต่อกับลูกค้าผ่านช่องทางที่จับต้องได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการมอบบริการที่ประทับใจ โฆษณาผ่านสื่อดั้งเดิม หรือการจัดกิจกรรมต่างๆ ถึงแม้จะมีต้นทุนสูงกว่าการตลาดออนไลน์ แต่ก็ช่วยให้ลูกค้าสัมผัสสินค้าและบริการได้โดยตรง ซึ่งอาจนำไปสู่การบอกต่อและสร้างกระแสในโลกออนไลน์ได้เช่นกัน ต่อไปนี้คือกลยุทธ์การตลาดออฟไลน์ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้

  • การสร้างโปรโมชั่น: มีป้ายประชาสัมพันธ์ ในบริเวณที่ใกล้ธุรกิจเรา หรือภายในร้าน ประชาสัมพันธ์ ถึงส่วนลดหรืออาจจะให้ของแถม เมื่อใช้บริการครบตามเงื่อนไข เพื่อให้ลูกค้าหน้าร้านเห็นได้ชัดเจน และอาจเพิ่มบัตรสะสมแต้ม เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามีความผูกพันกลับมาใช้บริการเราได้เรื่อยๆ ทำให้เรานั้นมียอดขายเพิ่มขึ้นได้ 
  • การจัดกิจกรรมพิเศษ: จัดกิจกรรม Workshop หรือเข้าร่วมงาน Event เพื่อให้ลูกค้านั้นได้สัมผัสกับสินค้าหรือบริการจริง ถ้าหากสินค้าหรือบริการเราดีจริง จะทำให้มีการบอกต่อกันปากต่อปาก หรือเป็นกระแสในโลกออนไลน์ ได้หากมีการทำคอนเทนต์ต่อไป 
  • การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: มัดใจลูกค้า สร้างยอดขายแบบออฟไลน์ ด้วย “บริการที่เหนือความคาดหมาย” เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ และอย่าลืมแจ้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าสูงสุด บริการที่ใส่ใจเหล่านี้จะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม ดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำและบอกต่อ ช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างยั่งยืนโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
  • การทำ CRM: การเก็บข้อมูลลูกค้าและนำมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงการบริการ เมื่อลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่หน้าร้าน อาจมีการเปิดให้สมัครสมาชิก เพื่อที่จะมีข้อมูลลูกค้าที่ใช้ในการนำมาวิเคราะห์ผล แต่อย่างไรก็ดีการทำแบบนี้ควรจะศึกษาในด้านกฎหมายให้ดีก่อน แต่หากทำได้เราจะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการของลูกค้าได้อย่างดี และสามารถนำไปประกอบการวางแผนพัฒนาธุรกิจของคุณได้

การพัฒนาคุณภาพบริการ

การพัฒนาคุณภาพบริการเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถรักษาลูกค้าเก่าและดึงดูดลูกค้าใหม่ได้ เพื่อให้คุณสามารถพัฒนาการบริการอย่างมีคุณภาพ เพื่อนำไปสู่การเพิ่มยอดขายและการประกอบธุรกิจที่ยั่งยืนได้ มีวิธีมาแนะนำง่ายๆ ดังนี้ 

  • การฝึกอบรมพนักงาน: การให้ความรู้และทักษะที่จำเป็นให้กับพนักงาน เพื่อให้พวกเขาสามารถให้บริการที่ดีและมีคุณภาพสูง ควรมีการฝึกอบรมไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับการบริการลูกค้า, การขาย, ความรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการ เพราะพนักงานนี้จะเป็นผู้ที่สามารถเพิ่มยอดขายให้กับคุณได้ดีที่สุด เมื่อลูกค้าเข้ามาใช้บริการ
  • การฟังและตอบสนองต่อความคิดเห็นของลูกค้า: การรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อนำไปปรับปรุงการบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
  • การใช้เทคโนโลยี: นำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการและให้บริการ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายให้กับลูกค้า เช่น ระบบการจองล่วงหน้า การแจ้งนัดหมาย การสะสมแต้ม เป็นต้น
  • การตรวจสอบคุณภาพ: การประเมินและตรวจสอบคุณภาพของการบริการอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจหาข้อบกพร่องและทำการปรับปรุง
  • การสร้างวัฒนธรรมการบริการ: การสร้างวัฒนธรรมภายในองค์กรที่มุ่งเน้นการบริการที่ดี จะช่วยให้พนักงานทุกคนมีแนวคิดและพฤติกรรมในการให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า
  • พัฒนาเรื่องสถานที่:  ดูแลเกี่ยวกับความสะอาด, ความสวยงาม, ความสะดวกสบาย มีการจัดสถานที่ บรรยากาศภายในร้านให้ลูกค้านั้นประทับใจ มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ ลงในโซเซียล เพื่อเป็นการทำการตลาดเพิ่มยอดขายแบบเนียนๆ ให้กับธุรกิจเรา

3 เครื่องมือช่วย สุดเจ๋ง เพิ่มยอดขายด้วยเทคโนโลยี 

การที่มีระบบการจัดการธุรกิจที่ดีจะทำให้คุณนั้นทราบถึงภาครวมของธุรกิจของคุณได้ว่ามีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไร ควรพัฒนาอะไรบ้าง ในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยอย่างหลากหลาย หากคุณคือนักธุรกิจมือใหม่ หรือกำลังสนใจในการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการเพิ่มยอดขาย นี้คือ 3 เครื่องมือช่วยเพิ่มยอดขาย ที่คุณนั้นไม่ควรพลาด 

เครื่องมือเพิ่มยอดขายPOS ใช้จัดการการขายช่วยชำระเงินบริการ ออกใบเสร็จ 

POS (Point of Sale) คือระบบที่ใช้ในการทำธุรกรรมการขายสินค้าและชำระเงินค่าบริการ ณ จุดขาย ระบบ POS ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้การทำรายการขาย ออกใบเสร็จ ใบกำกับภาษี เช็ครายการสินค้า สต็อกสินค้า และการจัดการเงินสดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบที่คุ้มค่าในการทำธุรกิจ จะทำให้คุณนั้นเห็นจุดด้อยและจุดเด่นของธุรกิจได้ ซึ่งถ้าธุรกิจเรามีการจัดการเป็นระบบที่ดี จะส่งผลให้เราวางแผนในการพัฒนาธุรกิจและมีความพร้อมในการรองรับลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เราสามารถเพิ่มยอดขายได้ในที่สุด

ตัวอย่างการใช้งาน POS ในธุรกิจบริการ

  • คลินิก/โรงพยาบาลสัตว์: ระบบช่วยลงทะเบียนผู้ป่วย บันทึกประวัติการรักษา คำนวณค่าบริการและยา ออกใบเสร็จรับเงิน จัดการนัดหมาย และติดตามสถานะการรักษา
  • ร้านทอง: ระบบช่วยบันทึกยอดขาย, ออกใบเสร็จ/ใบกำกับภาษี, จัดการสต็อกทองรูปพรรณและทองคำแท่ง, และวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายทองแต่ละประเภท
  • ธุรกิจความงาม (เช่น ร้านทำผม, สปา, ร้านนวด): ระบบช่วยรับนัดหมาย บันทึกข้อมูลลูกค้าและบริการที่ใช้ คำนวณค่าบริการ ออกใบเสร็จรับเงิน จัดการโปรโมชั่นและส่วนลด และติดตามประวัติการใช้บริการของลูกค้า

การใช้ระบบ POS ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการและตรวจสอบการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น แต่ยัง ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ทางธุรกิจได้อีกด้วย และในปัจจุบันระบบสามารถใช้งานได้ง่ายผ่านทางระบบคลาวด์ ทำให้มีราคาไม่แพงมาก สามารถเชื่อมต่อกับทุกอุปกรณ์ที่คุณมี ทั้งมือถือ แท็ปเลต หรือคอมพิวเตอร์ ธุรกิจขนาดเล็กก็สามารถใช้งานได้ หากจะหาระบบดีๆ สักระบบในการเพิ่มยอดขายให้กับคุณระบบ POS นี้เป็นระบบที่คุณควรมีเป็นอันดับแรก

CRM ระบบสำคัญในการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า

ระบบ (Customer Relationship Management) คือ ระบบที่ใช้ในการจัดการและปรับปรุงการบริการลูกค้า เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถเก็บข้อมูลได้ทั้ง ชื่อ สกุล อีเมล เบอร์โทร การสั่งสินค้า ประวัติการซื้อ หรืออื่นๆ ที่ต้องการ สามารถเชื่อมกันได้กับระบบสมาชิกลูกค้าในเครื่อง POS จะทำให้เรานั้นนำข้อมูลส่วนนี้มาช่วยในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ในการมาใช้บริการได้ เพื่อที่จะได้วางแผนในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเพิ่มยอดขาย

ตัวอย่างการใช้งาน CRM ในธุรกิจ

  • ธุรกิจเพชร: สามารถใช้ ในการจัดเก็บข้อมูลลูกค้า เช่น ประวัติการซื้อสินค้า ข้อมูลการติดต่อ และความชอบของลูกค้า จากนั้นนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เพื่อสร้างโปรโมชั่นที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพื่อเพิ่มยอดขาย เช่น เพชรรูปแบบใดที่ขายดีในช่วงนั้นๆ จะได้นำมาวิเคราะห์แผนในการทำต่อไป
  • ธุรกิจบริการ: โรงแรมสามารถใช้ระบบในการจัดการข้อมูลการเข้าพักของลูกค้า เช่น ข้อมูลการจองห้องพัก ประวัติการใช้บริการ และความชอบส่วนตัว เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและส่วนตัวสำหรับลูกค้า เช่น การเตรียมหมอนประเภทที่ลูกค้าชอบ หรือการจัดห้องพักที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
  • ธุรกิจ B2B (Business-to-Business): บริษัทที่ขายสินค้าและบริการให้กับธุรกิจอื่น ๆ สามารถใช้ระบบ CRM ในการติดตามการติดต่อกับลูกค้า เช่น ข้อมูลการประชุม การติดตามโอกาสการขาย และการติดตามการส่งมอบสินค้า ระบบช่วยให้ทีมขายสามารถจัดการกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว
  • ธุรกิจเสริมสวย: ธุรกิจเสริมสวยสามารถใช้ระบบในการจัดเก็บข้อมูลลูกค้า เช่น ประวัติการทำใช้บริการ ข้อมูลรูปแบบที่ชื่นชอบ และความต้องการต่อไป ในการเสริมสวย เพื่อให้คำแนะนำและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า เช่น การเสนอผลิตภัณฑ์ ทรงผม หรือการทำเสริมสวยอื่นๆ ให้ลูกค้าได้ต่อไป

การใช้ระบบ CRM ช่วยสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า เพิ่มโอกาสในการขาย และนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจบริการ

Loyalty โปรแกรมใช้ในการเพิ่มความผูกพัน สะสมแต้ม

ระบบ Loyalty คือ ระบบที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความภักดีและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยการให้รางวัลหรือสิทธิพิเศษต่างๆ เมื่อพวกเขาทำการซื้อสินค้าหรือใช้บริการของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ระบบนี้ช่วยสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคงและเพิ่มยอดขายในระยะยาว

ตัวอย่างการใช้งานระบบ Loyalty ในธุรกิจ:

  • ร้านคาร์แคร์: ร้านคาร์แคร์ชื่อดังใช้ระบบสะสมแต้ม โดยลูกค้าจะได้รับหนึ่งแต้มทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการ เมื่อสะสมครบสิบแต้ม ลูกค้าจะได้ล้างรถฟรี หรือมีของแถมอื่นๆ ระบบนี้ไม่เพียงช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการ แต่ยังสร้างความรู้สึกพิเศษให้กับลูกค้าที่ได้รับรางวัล
  • ร้านทอง: ใช้ระบบบัตรสมาชิกที่ให้ส่วนลดพิเศษและสิทธิพิเศษต่างๆ เช่น ส่วนลดวันเกิด คะแนนสะสมจากการซื้อสินค้า และโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสมาชิก ระบบนี้ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาได้รับความคุ้มค่าและสนับสนุนให้พวกเขากลับมาซื้อสินค้าอีก
  • ร้านทำเล็บ: ร้านทำเล็บของคุณสามารถมีโปรแกรมสมาชิก หรือโปรโมชั่นร้านบริการที่ให้ส่วนลดพิเศษและการสะสมแต้มจากการใช้บริการ เช่น เมื่อทำเล็บครบ 5 ครั้ง จะได้รับส่วนลด 10% ในครั้งถัดไป ระบบนี้ช่วยให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการบ่อยขึ้นและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

การใช้ระบบ Loyalty จะช่วยเพิ่มความผูกพันของลูกค้าต่อธุรกิจของเรา ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นการลงทุนในการเพิ่มกำไร ได้ดีกว่าการหาลูกค้าใหม่ และถ้าหากลูกค้าเก่าๆนี้ ติดใจ ไว้ใจเรา อาจจะส่งผลให้เกิดการรีวิว ทำให้มีลูกค้าใหม่ๆ ได้

สรุปการ เพิ่มยอดขายร้านบริการ ควรเริ่มต้นจากการที่มีการวางเป้าหมายที่ดี โดยคุณสามารถใช้เครื่องมือ SMART ในการช่วยได้ เป็นเทคนิคที่จะทำให้คุณนั้นตั้งเป้าได้อย่างครอบคลุม แผนในการทำธุรกิจของคุณจะมีประสิทธิภาพอย่างมาก การตั้งเป้าหมายเพื่อจะให้นำไปสู่ความสำเร็จได้ในยุคปัจจุบัน ควรที่จะมีการตลาดที่ดี ทันโลก ทันกระแส ทำการตลาดถูกจุดจะทำให้คุณสามารถเพิ่มกำไรได้อย่างก้าวกระโดด และอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการเพิ่มยอดขายในตอนนี้ ก็คือการใช้เทคโนโลยีในการช่วยจัดการระบบต่างๆ เพื่อให้คุณนั้นสามารถต่อยอดพัฒนาธุรกิจไปได้อย่างยั่งยืนต่อไป หวังว่าบทความนี้จะช่วยในการทำธุรกิจเพิ่มกำไรให้แก่ธุรกิจของคุณได้อย่างไม่มากก็น้อย เจอกันใหม่บทความหน้าค่ะ